วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

รัฐบาลเตือนภัย! โรคไอกรนระบาดหนักในสถานศึกษา กำชับเฝ้าระวังเด็กเล็กและผู้สูงอายุ


นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาล โดยกระทรวงศึกษาธิการ ได้ออกประกาศเตือนสถานศึกษาทั่วประเทศให้เฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคไอกรนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 1 ปี และผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เนื่องจากกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้หากติดเชื้อจะมีอาการรุนแรง

โรคไอกรน เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ระบบทางเดินหายใจ แม้จะเป็นโรคที่พบมานานแล้วและมีวัคซีนป้องกัน แต่ก็ยังคงเป็นภัยคุกคาม โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีเด็กอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เช่น โรงเรียนและศูนย์เด็กเล็ก อาการเริ่มแรกของโรคจะคล้ายกับไข้หวัด มีไข้ต่ำ น้ำมูกไหล และไอเบาๆ แต่จะค่อยๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นไอเป็นชุดๆ อย่างรุนแรง

สถานการณ์ล่าสุดในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 13 พฤศจิกายน 2567 พบผู้ป่วยโรคไอกรนแล้วทั้งสิ้น 1,290 ราย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย โดยพบผู้ป่วยมากที่สุดในภาคใต้ จำนวน 1,066 ราย กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ กลุ่มเด็กอายุ 0-4 ปี จำนวน 795 ราย รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 5-9 ปี และ 10-14 ปี ตามลำดับ

คำแนะนำสำหรับผู้ปกครองและสถานศึกษา:

  • สังเกตอาการบุตรหลานอย่างใกล้ชิด: หากพบอาการไอเรื้อรัง ไอเป็นชุด หรือมีเสียงดังผิดปกติ ควรพาไปพบแพทย์ทันที
  • พาบุตรหลานไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคไอกรนให้ครบตามกำหนด: วัคซีนเป็นวิธีป้องกันโรคที่ดีที่สุด
  • รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล: สอนให้บุตรหลานล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลังสัมผัสสิ่งสกปรก
  • สวมหน้ากากอนามัย: เมื่อมีอาการไอหรือจาม ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น
  • ทำความสะอาดสถานที่อยู่เสมอ: โดยเฉพาะพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ลูกบิดประตู

สำหรับสถานศึกษา:

  • คัดกรองนักเรียน: ตรวจวัดอุณหภูมิ และสังเกตอาการนักเรียนอย่างสม่ำเสมอ
  • แยกผู้ป่วย: หากพบนักเรียนมีอาการป่วย ควรแยกออกจากกลุ่มเพื่อนทันที
  • ทำความสะอาดสถานที่: ทำความสะอาดสถานที่เรียนอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะบริเวณที่สัมผัสบ่อย
  • ประชาสัมพันธ์ข้อมูล: สื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับโรคไอกรนให้ผู้ปกครองและบุคลากรทางการศึกษาได้รับทราบอย่างทั่วถึง

ขอให้ทุกท่านร่วมมือกันป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไอกรน เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในสังคม

หมายเหตุ: ข้อมูลในข่าวนี้เป็นข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้

#โรคไอกรน #สถานศึกษา #สุขภาพเด็ก #กระทรวงศึกษาธิการ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น