วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2568

"กระบี่ตั้ง 'ฉก.พะยูน' ล่าเครือข่ายตัดหัวขาย หลังซากเกยตื้น! เร่งปกป้องสัตว์สงวน หลังสถิติเกยตื้นพุ่ง - หญ้าทะเลวิกฤต"




กระบี่ตั้ง “ฉก.พะยูน” ล่าเครือข่ายตัดหัวขายซากสัตว์สงวน! เร่งปกป้องพะยูน หลังสถิติเกยตื้นพุ่ง-หญ้าทะเลวิกฤต

กระบี่ - จากกรณีสุดสะเทือนใจที่พบซากพะยูนเพศเมียตัวเต็มวัยถูกตัดหัวเกยตื้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้จังหวัดกระบี่ต้องเร่งยกระดับมาตรการคุ้มครองสัตว์ป่าสงวน โดยเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 จังหวัดกระบี่ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้จัดประชุมจัดตั้ง “ชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจ (ฉก.) ดูแลคุ้มครองพะยูนในพื้นที่จังหวัดกระบี่” เพื่อป้องกันการลักลอบล่าและค้าซากสัตว์ทะเลหายากอย่างเร่งด่วน

การประชุมดังกล่าวจัดขึ้น ณ ห้องประชุมอ่าวลึก ศาลากลางจังหวัดกระบี่ โดยมี นายสุวิทย์ สุริยะวงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และ นายเผด็จ ลายทอง รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นประธานร่วม พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชนเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

นายสุวิทย์ สุริยะวงค์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า การจัดตั้งชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากกรณีพบซากพะยูนถูกตัดหัวที่หาดบ้านหลังเกาะ ต.เกาะศรีบอยา อ.เหนือคลอง ซึ่งพะยูนเป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 6 ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 จึงมีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินมาตรการป้องกันและปราบปรามไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ

ชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจนี้มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่เป็นหัวหน้าชุด และมีผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 10 (กระบี่) เป็นเลขานุการ มีภารกิจหลักในการตรวจสอบและสืบสวนช่องทางการลักลอบค้าและครอบครองซากพะยูน รวมถึงสืบสวนเครือข่ายค้าซากสัตว์ทะเลหายาก พร้อมรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีและเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งต่อผู้กระทำผิด นอกจากนี้ยังเน้นการประชาสัมพันธ์ช่องทางการแจ้งเบาะแสสายด่วน 1362 และให้ความคุ้มครองผู้ให้ข้อมูล

ด้าน นายเผด็จ ลายทอง รองอธิบดีกรม ทช. กล่าวว่า แม้ยังไม่พบการล่าพะยูนโดยตรง แต่ยอมรับว่ามีการลักลอบตัดเขี้ยวพะยูนจากซากเพื่อนำไปขายในตลาดมืด ทำเป็นเครื่องรางของขลัง ซึ่งผู้กระทำผิดจะมีโทษหนักตามกฎหมาย คือจำคุกตั้งแต่ 3–15 ปี หรือปรับ 300,000–1,500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

สำหรับสถานการณ์พะยูนในประเทศไทยปี 2568 มีจำนวนประมาณ 203 ตัว ลดลงจากปี 2566 ที่พบ 270 ตัว โดยร้อยละ 90 อาศัยอยู่ในฝั่งอันดามัน และในจังหวัดกระบี่พบเพียง 18 ตัว ส่วนใหญ่อยู่รอบเกาะศรีบอยา

น่าวิตกอย่างยิ่งคือ สถิติพะยูนเกยตื้นในพื้นที่ จ.กระบี่ พบเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปี 2567 พบ 7 ตัว, ปี 2568 พบ 17 ตัว และล่าสุดปี 2569 พบแล้ว 3 ตัว ขณะเดียวกันพื้นที่หญ้าทะเลซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำคัญของพะยูนลดลงกว่า 20% เหลือเพียง 10,894 ไร่ จาก 14,577 ไร่ในปี 2566

จังหวัดกระบี่จึงขอความร่วมมือประชาชนและชาวประมงช่วยกันเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสหากพบพะยูนบาดเจ็บหรือซากพะยูนได้ที่สายด่วน 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมกันปกป้อง "พะยูน" สัตว์สงวนสำคัญและอนุรักษ์ทะเลอันดามันให้คงอยู่ตลอดไป

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น